น้ำโขงสูงเข้าขั้นวิกฤตในรอบ 10 ปี หนุนลำน้ำสาขาเอ่อท่วมหนัก ล่าสุดถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกตัดขาด หลายจังหวัดแถบอีสาน ทั้งนครพนม บึงกาฬ หนองคาย ต้องเผชิญภาวะน้ำสูง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 12 เมตร ไร่นาข้าวอ่วมกว่าพันไร่ บางจังหวัดเป็นหมื่นไร่ หลายเขตได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มทางการเกษตร
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเพิ่มระดับต่อเนื่องขั้นวิกฤติ มีระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 12.30 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติ ประมาณแค่ 70 เซนติเมตร ทำให้ระดับแม่น้ำโขงตามอำเภอต่างๆ ที่ติดกับแม่น้ำโขง ประกอบด้วย อ.บ้านแพง อ.ธาตุพนม อ.ท่าอุเทน อ.เมือง ได้รับผลกระทบหนัก ระดับน้ำโขงบางจุดสูงจากริมตลิ่งกั้นแม่น้ำโขง กว่า 1 เมตร ทำให้น้ำทะลักท่วมพื้นที่การเกษตร รวมถึงบ้านเรือนของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลักแม่น้ำโขง ประกอบ ด้วย ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูน รวมถึงลำห้วยสาขา มีปริมาณน้ำเกินความจุ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไม่สามารถไหลระบายลงแม่น้ำโขงได้
ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 8 อำเภอ รวม 56 ตำบล 398 หมู่บ้าน ประกอบด้วย 1.อำเภอท่าอุเทน 2.อำเภอโพนสวรรค์ 3.อำเภอธาตุพนม 4.อำเภอเรณูนคร 5.อำเภอปลาปาก 6.อำเภอเมืองนครพนม 7.อำเภอบ้านแพง และ อ.นาแก เร่งตรวจสอบให้การช่วยเหลือเร่งด่วน เบื้องต้น มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบแล้ว กว่า 50,000 ไร่ อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือเร่งด่วน
เช่นเดียวกันกับพื้นที่ ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กำลังได้รับผลกระทบ จากน้ำโขงหนุน ทำให้ลำห้วยทวย ที่รองรับน้ำในพื้นที่ ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง แต่ไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้ ทำให้เกิดปัญหาเอ่อท่วม พื้นที่การเกษตร นาข้าวของเกษตรกร ถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังถนนสัญจรระหว่างหมู่บ้าน ระหว่างบ้านน้อยทวย กับ บ้านคำฮาก ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ระยะทางยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยทางมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ได้สนับสนุน รถบรรทุกขนาดใหญ่ ไว้คอยบริการประชาชน ที่สัญจรไปมา เข้าออกระหว่างหมู่บ้าน ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 500 ครัวเรือน เพราะมีเส้นทางสัญจรเส้นทางเดียว
ด้านนายศุภวิทย์ พรรณวงศ์ นายก อบต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ยอมรับว่าระดับน้ำโขงสูงมากกว่าทุกปี สิ่งที่ตามมาคือลำน้ำสาขา มีปัญหาไหลระบายไม่ได้ ปัญหาที่ตามมาคือ เอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน เช่นเดียวกันกับ ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ติดกับลำน้ำทวยลำน้ำสาขาสำคัญ คือ ลำห้วยทวย ที่รองรับน้ำจากหลายพื้นที่ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง แต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบ เอ่อท่วมถนนสัญจรระหว่างหมู่บ้าน รวมถึงพื้นที่การเกษตร มีนาข้าวถูกน้ำท่วมขังแล้วกว่า 1,000 ไร่ ถนนสัญจรหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขัง ต้องขอสนับสนุนรถจากหน่วยงานทหาร มทบ.210 นครพนม และ อบจ.นครพนม นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาคอยบริการประชาชน คาดว่าหากระดับน้ำโขงไม่ลดลง จะส่งผลกระทบมากขึ้น และน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน
ขณะที่สถานการณ์น้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเช้าวันนี้ (3 ส.ค.61) ระดับน้ำวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 11.71 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 20 เซนติเมตร อยู่ต่ำกว่าตลิ่งในเขตอำเภอเมืองหนองคายอยู่ 49 เซนติเมตร น้ำยังไหลแรงและไหลเชี่ยว สีขุ่นแดง ขณะพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณบ้านดอนเขียว บ้านปากมาง อ.ท่าบ่อ น้ำโขงได้หนุนเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งชาวบ้านใช้ปลูกพริก ข้าวโพด และพืชผักหลายชนิด น้ำได้ท่วมพื้นที่บ้างแล้ว ชาวบ้านส่วนหนึ่งเก็บผลผลิตได้ทัน บางส่วนก็ต้องปล่อยให้น้ำท่วมไม่สามารถเข้าไปเก็บผลผลิตได้ โดยระดับน้ำบางช่วงสูงประมาณ 1 เมตร หากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่อีกก็จะสามารถระบายน้ำและน้ำลดลงไปได้ตามลำดับ.
ผู้สื่อข่าวจากจังหวัดบึงกาฬรายงานว่า เช้าวันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงได้เพิ่มสูงขึ้น โดยวัดได้ 12.66 เซนติเมตร สูงขึ้นจากวานนี้ 0.15 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.34 เซนติเมตร ส่งผลให้มีน้ำจำนวนมากหนุนลำน้ำสาขาเอ่อล้นท่วมพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดบึงกาฬ โดนเฉพาะที่บ้านเทพมีชัย ม.7 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ระดับที่เพิ่มสูงประกอบกับมีมวลน้ำสะสมจากภูวัว และภูสิงห์ ไหลลงมาสมทบ ทำให้มีน้ำท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ระดับน้ำสูง 70-80 เซนติเมตร ระยะทางยาวกว่า 300 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ พ.อ.สุภัทร ชูตินันท์ รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดบึงกาฬ ต้องนำกำลัง พร้อมรถบรรทุกหนักทางทหารขนาดใหญ่ รับ-ส่ง เด็กๆ จากในหมู่บ้านมาส่งที่โรงเรียน พร้อมจัดรถรับส่งชาวบ้านที่จะเข้าออกหมู่บ้าน อำนวยความสะดวก ตลอดทั้งวัน
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ในพื้นที่บ้านนาโนน ต.บึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ ต้องเร่งอพยพขนย้ายสิ่งของทั้งเครื่องจักร ข้าวของเครื่องใช้ขึ้นมาอาศัยอยู่ที่บริเวณศาลาวัดบ้านนาโนน เป็นการชั่วคราว จนกว่าระดับน้ำจะลดลงสู่ภาวะปกติ