Close Menu
  • บิวตี้
  • ผู้หญิง
  • สุขภาพ
  • ท่องเที่ยว
  • การเงิน
  • ดูดวง
  • เทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • วาไรตี้
PlazaThai
เปิดร้านออนไลน์
  • บิวตี้
  • ผู้หญิง
  • สุขภาพ
  • ท่องเที่ยว
  • การเงิน
  • ดูดวง
  • เทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • วาไรตี้
PlazaThai
บทความ » วาไรตี้ » แค่กล่าว “สาธุ” คำเดียวก็ได้บุญมหาศาล

แค่กล่าว “สาธุ” คำเดียวก็ได้บุญมหาศาล

PlazaThaiPlazaThaiUpdated:05/06/20252 Mins Read วาไรตี้
Facebook Twitter WhatsApp Copy Link

เวลาที่เราได้ทำบุญใดๆ แล้วหากมีคนเห็นการกระทำดีของเราแล้วเขากล่าว “สาธุ” ด้วยความศรัทธาด้วยความปีติยินดีที่ได้เห็นเราทำบุญ เขาคนนั้นก็ได้บุญไปด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนการจุดเทียนแล้วมีคนมาขอต่อเทียนฉันใดฉันนั้น นี่คือบุญในรูปแบบของการโมทนาบุญเอาจากการเห็นผู้อื่นทำความดี

บุญนั้นมีความมหัศจรรย์มากในเรื่องการสร้างบุญ เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทำบุญเองก็ย่อมได้บุญ ชวนผู้อื่นทำบุญก็ได้บุญ แต่บางคนแม้จะไม่ได้สละทรัพย์เป็นเจ้าของวัตถุทาน ไม่ได้เป็นผู้ถวายทานด้วยมือ อีกทั้งไม่ได้อยู่ร่วมในการให้ทานกับเขาด้วย แต่มารู้ทีหลังว่าคนอื่นเขาให้ทาน รู้แล้วก็รู้สึกยินดีเลื่อมใสไปกับเขา บุคคลนั้นก็จะพลอยได้รับผลของบุญด้วยอย่างน่าอัศจรรย์

ดังเช่นผลบุญที่เกิดกับ “เพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา” นั้นเป็นกรณีหนึ่งที่ท่านสามารถทำบุญได้มากมายโดยไม่ต้องลงมือทำเองเลย

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้นร่ำรวยมากขนาดไหน เธอสร้างวัด วิหาร และได้บริจาคทานเป็นจำนวนมากด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงส่งผลให้เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้วเธอได้ไปเกิดเป็นอัครมเหสีของท้าวสุนิมมิตตเทวราชผู้ปกครองสวรรค์ชั้นที่ 5 สามารถทุกอย่างออกมาได้ดังใจ ซึ่งนั่นก็สมควรแก่การกระทำสร้างบุญของเธอ แต่เหล่าบรรดาเพื่อนฝูงมิตรสหายที่ไปร่วมบุญกุศลเหล่านั้น เธอได้รับบุญกุศลนั้นได้ด้วย โดยที่ไม่ต้องลงมือทำเองเลยแม้แต่บาทสตางค์เดียว

ครั้งหนึ่ง พระอนุรุทธะเถระ ผู้เป็นเอตทัคคะในการได้อภิญญาผู้มีตาทิพย์ ได้จาริกไปในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เห็นทิพย์วิมานหลังใหญ่ กว้างยาวและสูงถึง 16 โยชน์ แวดล้อมด้วยอุทยานและสระโบกขรณี ล่องลอยอยู่ในอากาศ แผ่รัศมีไปไกลถึงร้อยโยชน์ เจ้าของวิมานนั้นเป็นเทพธิดาที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ มีกลิ่นทิพย์หอมยวนใจฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจยิ่งนัก

พระอนุรุทธะเถระถามเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้นว่าเธอทำบุญด้วยอะไร ทิพย์สมบัติอันมากมายนี้จึงเกิดขึ้นแก่เธอ นางเทพธิดาตอบพระอนุรุทธะว่า

” ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกาเจ้าค่ะ เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง 27 โกฏิ (270 ล้าน) สร้างวัดบุพพารามมหาวิหาร เธอชวนดิฉันและเพื่อนๆ อีก 500 คน ไปเที่ยวชมปราสาทวัดบุพพาราม ดิฉันได้เห็นปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพ ดิฉันเลื่อมใสในบุญของเธอ จึงอนุโมทนาบุญกับเธอว่า “สาธุ สาธุ สาธุ”

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งกับการโมทนาบุญกับการทำทานของผู้อื่นเท่านั้น ถ้าเป็นการโมทนาในการสร้างบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้าหรือพระอริยสงฆ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้วก็จะยิ่งก่อเกิดผลบุญมหาศาล ผู้ที่เป็นตัวอย่างในกรณีนี้ก็คือ พระนางพิมพา ผู้ที่บำเพ็ญบารมีควบคู่มากับพระพุทธเจ้านั่นเอง เราทราบกันดีว่า พระโพธิสัตว์นั้นบำเพ็ญบารมียิ่งยวดมากแค่ไหนจึงได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระนางพิมพาเล่า สามารถติดตามบุญและมีส่วนได้บุญกับพระพุทธองค์มาตลอดได้อย่างไร

เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระนางพิมพาที่ตำหนัก พระพุทธองค์ก็รู้อยู่ว่าเข้าไปในถึงตำหนักของ พระนางพิมพาแล้ว พระนางพิมพาจะอาศัยความรักที่มีอยู่เดิมเข้ามากอดขาของพระองค์ พระองค์จึงได้บอก พระโมคคัลลานะ กับ พระสารีบุตร ก่อนจะเข้าไปว่า

” ถ้าเราเขาไป พระนางพิมพาจะเข้ามากอดขาเรา ขอเธอทั้งสองจงอย่าห้ามพระนางเลย เพราะเราไม่มีอะไรแล้ว ความรู้สึกในกามารมณ์นั้นไม่มีสำหรับเรา ทว่าถ้าเธอห้ามพระนางพิมพาล่ะก็ พระนางพิมพาจะอกแตกตาย เธอจะไม่มีโอกาสได้ผลของความดีใดๆ”

พระสารีบุตรจึงถามว่าเพราะเหตุใด พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า

” ทั้งนี้เพราะว่า พระนางพิมพา ไม่เคยบำเพ็ญบารมีด้วยตนเองเลย พระนางได้แต่โมทนาบุญกับเราเท่านั้น นับตั้งแต่เริ่มแรกบำเพ็ญบารมีเป็นต้นมา โดยใช้เวลามากถึง 4 อสงไขยกับแสนกัป เป็นคู่บารมีกันมาไม่เคยคลาดกัน”

ในพุทธชาดกและพุทธประวัติ เราเห็นเสมอว่าคนที่ทำบุญสร้างบารมีจริงๆ คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทำไปแล้วพระนางพิมพา เธอก็บอกยินดีด้วยโดยกล่าวโมทนาสาธุ แม้ครั้งหลังที่มีความสำคัญสุด คือการยกลูกทั้งสองให้เป็นทาสของชูชก

ครั้งนั้นพระนางมัทรี (พิมพา) เธอมีความเสียใจสลบไปที่ไม่พบกับลูกชายลูกสาว เมื่อฟื้นขึ้นมาองค์ พระเวสสันดร จึงได้บอกเธอว่า เราให้ลูกกับชูชกไป ทั้งนี้เพราะปรารถนาในพระโพธิญาณ ของเธอจงโมทนาด้วยเธอก็ยินดีโมทนาบุญที่ได้ทำทานนั้นด้วย เป็นอันว่า พระนางพิมพา แม้จะไม่เคยทำบุญเองอย่างยิ่งยวด แต่ได้กระทำเพียงการโมทนาบุญอย่างเดียว กับผู้ที่บำเพ็ญบารมีสูงสุดก็ย่อมได้บุญมากตามไปด้วย

อัตราส่วนบุญที่เกิดจากการโมทนาบุญนั้นเป็นอย่างไรเรื่องนี้เป็นที่สงสัยกันมากว่าการกล่าวโมทนาบุญนั้นจะได้บุญมากน้อยเท่าไหร่เห็นคนอื่นทำดีแล้วแล้วเราไปขอแบ่งบุญเขามาอย่างนั้นหรือ หรือว่าโมทนาแล้วเป็นการขโมยบุญจากผู้อื่นมาหรือไม่

อานิสงส์ที่จะพึงได้จากการโมทนาบุญนั้นเทียบได้เป็นผลกำไรจากการใช้จิตทำบุญ ไม่ต้องลงทุนเอง ถ้าได้ทำอย่างตั้งใจจริง ด้วยจิตยินดีอย่างเต็มเปี่ยมในคุณงามความดีที่ผู้อื่นทำก็อาจได้บุญมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์

ผู้ที่เป็นเจ้าของบุญหรือผู้ที่กระทำบุญนั้นย่อมได้บุญ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ตั้งใจโมทนาบุญก็ได้ไปครั้งละ 90 เปอร์เซ็นต์ หากมีผู้ที่มาทำบุญผ่านไป 10 คน เราก็ได้บุญประมาณ 900 มากกว่าเจ้าของผู้ทำบุญในแต่ละรายเสียอีก เป็นเคล็ดการทำบารมีให้เต็มเร็วมาก

วิธีการโมทนาบุญที่ถูกต้อง

การโมทนา แปลว่า “ยินดีด้วย” สิ่งสำคัญที่จะให้เกิดบุญสูงสุดคือ ต้องกล่าวคำสาธุยินดีด้วยความจริงใจ หากสักแต่กล่าวว่า สาธุๆๆ ไปอย่างนั้น มันก็จะไม่ได้อะไร แต่คำว่า “สาธุ” นั้นก็ไม่จำเป็นต้องออกเสียงหรือไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้ เพียงแต่เอาใจที่ยินดีทำก็เกิดผลบุญได้เลย

การแสดงความยินดีกับคุณงามความดีหรือความสำเร็จของผู้อื่นเป็นคุณธรรมของพระพรหมก็คือ “มุทิตา” เป็นตัวหนึ่งใน พรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นบุญใหญ่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” ถ้าก่อนตายจิตผ่องใส ก็ไปสู่สุคติ หมายถึง สวรรค์ ก็ได้ พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้ สุดแล้วแต่กำลังใจของเรา

การโมทนาบุญนั้นพึ่งเข้าใจว่าเป็นการทำให้จิตใจชุ่มชื่นใจ เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขาไม่ช้าตัวของเราเองก็อยากจะทำความดีตามเขาบ้างเพราะเราเห็นเขาดีเราก็ชอบ เป็นการสร้างพื้นฐานพลังแห่งบุญให้เกิดขึ้นในจิตด้วยตัวเองและเป็นจุดเริ่มต้นในการขวนขวายสร้างคุณงามความดีอื่นๆ ต่อไป

สิ่งที่พึงระมัดระวังในการโมทนาบุญก็คือ “ความอิจฉาริษยา” นั้นเป็นตัวทำลายบุญประเภทนี้อย่างแรงกล้า ประเภทที่ว่ากลัวคนอื่นจะได้บุญมากกว่าเรา หรือคิดไปเองว่าบุญเราจะหมด เราอุตส่าห์ทำมาอย่ามาแย่งบุญของฉัน ฉันไม่ให้หรอก

เมื่อใดที่จิตคิดเช่นนี้จิตก็จะปรากฏความเศร้าหมองทำให้บุญที่เราทำมีผลย่อหย่อนลงไป และทำให้เราไม่ได้กุศลจากการโมทนาบุญของผู้ขอโมทนาบุญจากเราเลย จึงควรวางกำลังใจและอธิฐานจิตเราเมื่อมีผู้ขอโมทนาบุญจากเราเสมอว่า

” ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับท่านทั้งหลายที่ขอโมทนาบุญกับเราในทุกครั้งทุกโอกาส ไม่ว่าเราจะทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตก็ดี ที่เราได้ทราบก็ดี ไม่ทราบก็ดี จะเป็น มนุษย์หรือเทพพรหม เทวา พญานาค ก็ดี ที่มีกายเนื้อก็ดี ไม่มีกายเนื้อก็ดี ขอให้เขาเหล่านี้ จงประสพแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์พ้นภัยจากวัฏสงสาร สัมผัสพระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเทอญ”

การโมทนาบุญยังแบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ

1. การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญของบุคคลใดในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น พ่อแม่ได้ไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญยินดีในบุญนั้นด้วยครั้งหนึ่ง

2.การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญยินดีในบุญจากกองกุศลที่หมู่คณะนั้นได้บำเพ็ญ เช่น การโมทนาบุญกฐินทาน ผ้าป่า หรืองานสมโภชฉลองสิ่งก่อสร้างทางศาสนสถาน หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาผู้นั้นบำเพ็ญมาตลอด เช่น โมทนาบุญคุณความดีของพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้บำเพ็ญเพียรมาตลอดชีวิต เป็นต้น

3.การมหาโมทนาบุญ หมายถึงการยินดีโมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้นแบบทั่วอนันต์จักรวาล ทั้งสามภพและหนึ่งนิพพาน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งล่วงข้ามมิติของสถานที่และกาลเวลา ถือเป็นมหากุศลที่จะไหลรวมมาหล่อเลี้ยง ดวงจิตของพระโพธิสัตว์ทุกดวงให้สว่างไสว การมหาโมทนาบุญนี้ เป็น การปฏิบัติมุทิตาบารมีระดับสูงสุด ซึ่งเกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนา

ครั้งที่พระบรมโพธิสัตว์สิทธัตถะได้บำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นโพธิ์จนสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนั้นมี เหล่าเทวดาจากทั่วทุกสวรรค์ชั้นฟ้า ลงมากระทำมหาโมทนาสาธุการแด่พระพุทธเจ้าเป็นอันมาก เมื่อตรัสรู้แล้วก็บังเกิดแสงสว่างอันเจิดจรัสหาประมาณไม่ได้ปรากฏขึ้นไปทั่วจักรวาล นี่คือพลังแห่งการร่วม “มหาโมทนาบุญ” ในการสำเร็จซึ่งบุญบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในการโมทนาบุญคุณความดีนั้นมีพลังบุญเกิดขึ้นแน่นอน หากยังไม่เคยฝึกก็ลองตั้งจิตให้เป็นกุศลนึกยินดีกับทุกความดีที่ผู้อื่นทำ อย่างน้อยใจเราก็เป็นสุขสบายไม่มีความอิจฉาริษยาใดๆ เมื่อความริษยาไม่เกิดก็จะไม่มีการเบียดเบียน มีแต่การมุ่งจะสร้างคุณงามความดีบ้างและจะมุ่งทำความดีให้มากยิ่งขึ้น เป็นการต่อบุญไปสู่การสร้างบุญในระดับอื่นที่ยิ่งยวดขึ้นไป เช่น การรักษาศีล และการเจริญภาวนาต่อไป

ตัวอย่างการกล่าวคำโมทนาบุญแบบต่างๆ

การอนุโมทนาบุญท่านผู้ทรงพระคุณความดี (นับแต่พระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวก ครูบาอาจารย์)

โมทนาสาธุๆๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมี พระคุณความดีทั้งหลายทั้งปวงของ/ท่านพระอาจารย์บุญบารมีพระคุณความดีใดๆ ที่./ท่านพระอาจารย์. ได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมีพระคุณความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในบุญบารมีพระคุณความดีของ/ท่านพระอาจารย์.นั้น ด้วยเทอญ

*** ธรรมใด ที่/ท่านพระอาจารย์.ได้ถึงที่สุดแล้ว ก็ขอให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึงซึ่งธรรมนั้น เจริญตามรอย./ท่านพระอาจารย์ ด้วยเทอญ โมทนาสาธุๆๆ (***กรณี ที่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม)

*** ใช้ได้กับทุกพระองค์ ทุกท่าน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และละสังขารไปแล้ว

*** หลังจากนั้น ถ้าเราจะขอพรเพื่อความสำเร็จต่างๆ ก็ให้ว่าไป โดยเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามธรรม

การอนุโมทนาบุญท่านผู้ทรงความดี ทั่วๆ ไป

โมทนาสาธุๆๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมี ความดีทั้งหลายทั้งปวงของท่านบุญบารมีความดีใดๆ ที่ท่าน ได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมีความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในบุญบารมีความดีของท่านนั้น ด้วยเทอญ

การอนุโมทนาบุญบุคคลธรรมดา ทั่วๆ ไป

โมทนาสาธุๆๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในส่วนความดีทั้งหลายทั้งปวงของ.ส่วนความดีใดๆ ที่ ได้กระทำมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในส่วนความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในความดีของนั้น ด้วยเทอญ

หมายเหตุ

ที่เว้นไว้ให้บอกชื่อของครูบาอาจารย์/ท่านผู้ทรงพระคุณความดี/บุคคลที่เราได้โมทนา ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วๆ ไป สำหรับบางคนอาจจะไม่ลงใจกับคนบางคน (คือทำใจไม่ได้ที่จะโมทนาความดีของเขา) โดยอาจเห็นว่าเขาคนนั้นไม่ดี หรือ คนๆนั้นเป็นปฏิปักษ์กับเรา ก็ขอให้คิดเสียว่าสำหรับคนทั่วไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็ต้องมีบุญกุศลความดีมาอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้มาเกิดเป็นคน

สำหรับตัวเรา เราก็ขอโมทนาแต่เฉพาะในส่วนที่ดีของเขา (ซึ่งในส่วนที่เขาทำดีไว้ เราอาจมองไม่เห็น ไม่ทราบก็ได้) การโมทนาบุญผู้อื่นบ่อยๆ นั้น เป็นการฝึกจิตให้มีเมตตาต่อทุกๆ คน และลดละความอิจฉาริษยา ทำให้รู้จักการให้อภัย

จากหนังสือเรื่อง สร้างบุญบารมีอานิสงส์สูง ไม่เสียเงินแม้แต่สลึกเดียว โดย จิตตวชิระ

แนะนำ

มาลองทำ “คอร์นชีส” ข้าวโพดคลุกเนย โปะหน้าด้วยชีสกัน

รู้หรือไม่การเลือกตำแหน่งที่นั่งในโรงหนัง สามารถบอกถึงนิสัยใจคอของคุณได้นะ

มารู้จักกับความหมายของ “นพรัตน์” อัญมณีมงคล

แนะนำ

เทคโนโลยี
อย่าจ้างบริษัทรับทำโฆษณา Facebook ถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้ !
ไลฟ์สไตล์
รวม 7 ไอเดียทำของพรีเมียมแจกในงานอิเวนต์ สร้างความประทับใจ
สุขภาพ
สัญญาณเตือน 9 โรคอันตราย สังเกตุได้จากอาการปวดท้อง!
สุขภาพ
ชอบลืมกินยาต้องอ่าน ยาก่อน-หลังอาหาร ทานไม่ตรงมีผลอย่างไร!!

ส่อง! 3 คู่พี่น้องดารา ที่หลายคนไม่รู้ หรือลืมไปแล้วว่าเค้าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ!!

09/01/2018

ยิ่งกว่าโป๊ะแตก!! “มิ้ง” ยอมรับ “ไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก” ลั่นโกหกเพราะรัก “กัปตัน” มากไม่อยากเสียไป!!! (มีคลิป)

04/09/2018

ทายนิสัยจาก ท่าทางการจับโทรศัพท์ เป็นคนแบบไหนเช็กได้เลย

30/04/2025

ทำนายนิสัย จากภาพที่คุณเลือก บ่งบอกความจริง ที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ

18/09/2018

เพื่อนไม่ได้ปรึกษา!! “แต้ว” เผยรู้พร้อมทุกคนเรื่อง “แมท-สงกรานต์”

05/11/2018

ในที่สุดก็มีวันนี้!! หมาก-มิ้นต์ จากงานบอลช่อง3 แฟนคลับเห็นแล้วน้ำตาแทบไหล!!

มาแล้ว! คำทำนายดวงชะตาปี 2562 โดยหมอเค้ก เมจิกดีไซน์

เปิดดวงชะตา ทำนายดวงความรักตามวันเกิด ทั้ง 31 วัน

เอาจริง!! ครอบครัว “กัปตัน ชลธร” เตรียมดำเนินคดี “มิ้ง ศวภัทร” หลังฝ่ายหญิงอ้างแท้งลูก!!

หลักฐานมันชัด!! ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน ถูกจับได้เทแป้งเล่น

© Copyright 2004-2025 All right reserved.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.