หลายคนถึงกับกล่าวเป็นเสียงเดียวกันกันว่า… “ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย” จากข่าวตำรวจสามารถจับตัวผู้ต้องหาที่ก่อคดีฆ่าพ่อของตน เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์และชัดเจนที่สุด ทางทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้ทำการรวบรวม และสรุปเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์ของบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งในส่วนของ ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ มากประดิษฐ์ บุตรชายของผู้ตายและครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย นางรัชนี มากประดิษฐ์ ผู้เป็นแม่, นายสายสิริ มากประดิษฐ์ ผู้เป็นตา และ นายธนธร มากประดิษฐ์ ผู้เป็นลุง มาเล่าแบบลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุฆาตกรรม กระทั่งผู้ต้องหาจนมุมถูกจับกุม
ปี 2541 คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ
เหตุการณ์ฆาตกรรมครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในคดีสุดสะเทือนขวัญ ปี 2541 โดยเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม เจ้าหน้าที่ได้พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ในสระน้ำริมทาง ที่บ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
สภาพศพถูกมัดมือไพล่หลัง มีถุงพลาสติกคลุมศีรษะ และใช้มีดปาดคอ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายในเวลาต่อมา คือ นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ พ่อของ ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ มากประดิษฐ์ และ นายชาณี ทองหญีต
แต่กว่า นางรัชนี ภรรยาของนายประสิทธิ์ จะทราบว่าสามีเสียชีวิต ก็อีกกว่า 2 สัปดาห์ต่อมา หลังจากญาตินำหนังสือพิมพ์ให้ดู โดยขณะนั้น ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ มีอายุเพียง 1 ขวบ 5 เดือน
ปี 2551 ออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหา
อีกเกือบ 10 ปีต่อมา ในปี 2551 ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหมายจับ ที่ 786/2551 ลงวันที่ 22 ก.ย.2551 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ กับผู้ต้องหา 3 ราย ก่อนรวบตัวได้ 2 ราย ส่วน นายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง ได้หลบหนีการจับกุมออกนอกพื้นที่
ระหว่างนั้น ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ มักจะถามแม่อยู่บ่อยครั้งว่า พ่อหายไปไหน พ่อเสียชีวิตจากสาเหตุใด แต่ด้วยความที่นางรัชนีเห็นว่าลูกยังเด็กเกินไปที่จะรับรู้ความจริงอันโหดร้าย เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม กระทั่งเมื่อ ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ก็ยังคงถามหาพ่ออยู่เสมอ เธอจึงตัดสินใจเล่าความจริงให้ลูกได้รับรู้ พร้อมบอกกับเขาว่า “ความใฝ่ฝันของพ่อ คืออยากให้ลูกได้เป็นตำรวจ”
ส่วน นายสายสิริ ผู้เป็นตา ก็เล่าว่า เมื่อตอนยังเด็ก หลานถามถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อหลายครั้ง แต่ตนก็ไม่ได้บอก ไม่อยากรื้อฟื้น เพราะเรื่องผ่านมานานแล้ว แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนในตัวหลานคนนี้ก็คือ ความมุ่งมั่นที่จะเป็นตำรวจให้ได้
ปี 2560 เข้าศึกษาโรงเรียนตำรวจภูธร 8
หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย เมื่อปี 2560 ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ ก็สอบเข้าศึกษาที่โรงเรียนตำรวจภูธร 8 และสามารถสอบได้เป็นนักเรียนนายสิบ ก่อนสำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 30 กุมภาพันธ์ 2561 แล้วได้รับการบรรจุที่ตำรวจภูธรภาค 8 ในตำแหน่งผู้บังคับหมู่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ
ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ ได้เปิดใจถึงการเข้ามาเป็นตำรวจว่า เป็นเพราะใจรัก ประกอบกับเป็นความต้องการของพ่อ ไม่ได้เจาะจงมาจับคนร้ายฆ่าพ่อ เพราะเคยเข้าใจว่าคนร้ายถูกจับไปหมดแล้ว ก่อนมาทราบภายหลังว่า ยังมีผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายที่ยังลอยนวล
ปี 2561 ผู้ต้องหาถูกจับกุม
ต่อมา ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ ก็ได้สืบเสาะจนทราบว่า ผู้ต้องหาที่ยังไม่ถูกจับกุม เป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านตน ประกอบกับมีพฤติกรรมคุกคาม โดยมักขับขี่รถวนเวียนแถวบ้านพักของแม่ ที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งในเรื่องนี้ นางรัชนีเล่าว่าผู้ต้องหาเคยเข้ามาข่มขู่ครอบครัวในเรื่องคดีความ ล่าสุดได้มาปรากฏตัวแถวบ้านพัก เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน หรือก่อนจะถูกจับกุม 2 วัน
ด้วยพฤติกรรมของผู้ต้องหา ที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายกับครอบครัว ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ จึงได้ประสานกับกองปราบปราม ชุดสืบสวนในพื้นที่ และร่วมติดตามผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ก่อนที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ที่กำลังจะถึงนี้
โดยนางรัชนีเล่าว่า “ลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกว่า จับคนร้ายที่ฆ่าพ่อได้แล้ว และยังบอกอีกว่า สงสารเขา เขาตัวเล็กนิดเดียว?”
ส่วน นายธนธร ลุงของ ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ดังคำโบราณที่ว่าไว้ กฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ กรรมนั้นก็จะตามสนอง ไม่ช้าก็เร็ว เหมือนกับผู้ต้องหารายนี้ ที่หลบหนีคดีมาได้เกือบ 20 ปี เหลืออีกไม่ถึงเดือนคดีก็จะหมดอายุความ แต่ก็ไม่รอด ถูกจับได้ในที่สุด
หลังถูกจับกุม นายบุญฤทธิ์ได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งในเรื่องนี้ ส.ต.ต.อัษฏาวุฒิ กล่าวว่า “จะต้องว่ากันไปตามกระบวนการ หากกระทำผิดจริง ก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่หากไม่ได้กระทำผิด ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา”