ถ้าพูดถึงการลดน้ำหนัก หลายคนอาจนึกถึงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือคุมอาหารอย่างเข้มงวด แต่ในชีวิตจริงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ต่อเนื่อง บางคนมีปัญหาสุขภาพ บางคนมีข้อจำกัดเรื่องเวลา และบางคนพยายามหลายวิธีก็ยังไม่เห็นผล ทำให้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารคืออะไร?
ลองจินตนาการว่ากระเพาะของคนเรานั้นเป็นเหมือนถุงยางยืด เมื่อใส่บอลลูนซิลิโคนขนาดเล็กเข้าไป แล้วเติมน้ำเกลือในบอลลูนให้พอง กระเพาะก็จะมีพื้นที่เหลือน้อยลง ส่งผลให้คุณอิ่มเร็วขึ้น กินได้น้อยลง และลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
กระบวนการนี้ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ผ่านการส่องกล้องทางปาก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแผลผ่าตัดหรือการพักฟื้นนาน หลังทำเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว
บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร?
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนคือ บริการนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ฉะนั้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหารือถึงทางที่เหมาะสม แต่สามารถกล่าวได้ว่าวิธีจะเหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
- มีดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 27 และมีปัญหาน้ำหนักเกิน
- พยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
- ต้องการลดน้ำหนักเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดใหญ่
- ต้องการทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัดและฟื้นตัวเร็ว
ทั้งนี้ต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน
ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ประเมินร่างกายและให้คำปรึกษา – แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด
- ส่องกล้องและใส่บอลลูน – ใช้การส่องกล้องทางปาก นำบอลลูนซิลิโคนวางในกระเพาะ
- เติมน้ำเกลือในบอลลูน – ปรับปริมาณให้เหมาะกับแต่ละคน เพื่อให้รู้สึกอิ่มง่าย
- ติดตามผลและดูแลต่อเนื่อง – หลังทำ แพทย์จะนัดติดตามเพื่อตรวจสุขภาพและแนะนำการกินที่ถูกต้อง
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงและไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตปกติได้ภายใน 1-2 วัน
- ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน เพราะกระเพาะเล็กลง จึงกินได้น้อยลงโดยธรรมชาติ
- เป็นการเริ่มต้นการดูแลสุขภาพ ทำให้หลายคนมีกำลังใจและเห็นผลลัพธ์เร็ว
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
แม้บริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้จริง แต่ก็ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” เพราะถ้ากลับไปกินมากเหมือนเดิมหลังเอาบอลลูนออก น้ำหนักก็อาจกลับมาได้ ดังนั้นจึงต้องปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องอืดในช่วงสัปดาห์แรก ซึ่งโดยทั่วไปจะค่อยๆ หายไปเมื่อร่างกายปรับตัวได้
ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่บอลลูนอยู่ในร่างกาย
โดยทั่วไป บอลลูนจะอยู่ในกระเพาะได้ประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นแพทย์จะนัดเอาออก ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลหรือคลินิก แต่ส่วนใหญ่จะรวมค่าปรึกษา ใส่บอลลูน เอาออก และการติดตามผล
เรียกได้ว่าบริการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คนที่ลดน้ำหนักไม่สำเร็จด้วยวิธีทั่วไปมีโอกาสเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ความสำเร็จในระยะยาวยังขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพ และการปรับพฤติกรรมการกินของตัวคุณเอง หากสนใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเริ่มทำ