วันนี้ PlazaThai จะพาเพื่อนๆย้อนไปในยุคสมัยช่วงรัชกาลที่ 2 ที่เกิดโรคห่าระบาด ทำให้ผู้คนหลายหมื่นต้องล้มตายภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน พื้นที่ในเมืองทั้งหมดกลายเป็น “เมืองแห่งคนตาย” ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยซากศพ ซึ่งจุดรวมที่ทางการนำศพนับหมื่นที่ตายจากโรคห่า คือ วัดสระเกศ (ภูเขาทอง)
พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนตาย ทำให้วัดสระเกศ กลายเป็นจุดศูนย์รวมของแร้งนับพัน ทั้งนี้ จำนวนศพที่มีมากมายจนไม่สามารถเผาได้ไหว ทำให้คนสมัยนั้นจึงตัดสินใจกำจัดศพโดยการให้แร้งกิน
ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นวัดสระเกศ ก็เพราะเมื่อสมัยก่อนนั้นมีกฎห้ามเผาศพกันในเมือง และประตูเมืองที่สามารถนำศพผ่านได้ก็มีอยู่ประตูเดียวที่เรียกกันว่าประตูผี ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดสระเกศมากที่สุดนั่นเอง
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงแร้งวัดสระเกศแล้ว จะไม่พูดถึง เปรตวัดสุทัศน์ ก็ไม่ได้เพราะว่ามักได้ยินพูดคู่กันเสมอ เปรตเป็นมนุษย์ที่ทำบาปกรรมแบบขั้นสุด เมื่อตายไปแล้วจะเกิดเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรมที่ทำไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์ ปากเท่ารูเข็ม มือใหญ่เท่าใบลาน มักปรากฏตัวตอนกลางคืน
สมัยก่อนบรรยากาศแถววัดสุทัศน์จะน่ากลัวมากๆ มักมีคนเล่าว่าพบเห็นผีเปรตอยู่เสมอ แต่บ้างก็บอกว่า นั่นคือเงาจากเสาชิงช้า ความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตแห่ง วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์”
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯนั้น มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหาก ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นความเชื่อส่วนคน โปรดใช้วิจารณญาณในการกันน้า