จากละคร บุพเพสันนิวาส ในตอนล่าสุด (วันที่ 28 มีนาคม 2561) ในฉากที่พระนารายณ์ก้มตัวรับพระราชสาสน์ เชื่อว่าหลายคนต้องเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน ว่าเหตุใดคณะทูตของฝรั่งเศส จึงไม่ต้องหมอบคลาน ในขณะที่ขุนนางในราชสำนักอยุธยาทุกคนล้วนแต่ต้องหมอบกราบ
นาย อาแล็กซ็องดร์ ตำแหน่ง อัศวินแห่งโชมองต์ (Alexandre, Chevalier de Chaumont) ได้เป็นราชทูตพร้อมด้วย บาทหลวงฟร็องซัว-ตีมอเลอง เดอ ชัวซี บาทหลวงกี ตาชาร์ และบาทหลวงเบนีญ วาเช นำพระราชสาสน์ส่วนตัวแห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มามอบให้กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เฟซบุ๊ก โบราณนานมา ได้ออกมาเล่าถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า คณะทูตนั้น เป็นเพียงผู้อัญเชิญพระราชสาสน์จากพระมหากษัตริย์ ไม่ได้มีอำนาจใดๆ เมื่อเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าแผ่นดิน ต้องก้มตัวหมอบคลาน และกราบถวายบังคม ไม่เว้นแม้แต่คณะทูตใหญ่จากจีน เปอร์เซีย หรืออาณาจักรโมกุล
ซึ่ง อาแล็กซ็องดร์ อัศวินแห่งโชมองต์ แม้ว่าจะทราบธรรมเนียมนี้ แต่ไม่ประสงค์ที่จะกราบ หมอบคลาน ตามธรรมเนียม เพราะถือว่าไม่สมพระเกียรติแห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส จึงได้ให้ราชสำนักอยุธยา ส่งคนมาเจรจาในเรื่องราชพิธี สมเด็จพระนารายณ์ จึงมอบให้คอนสแตนติน ฟอลคอน ที่ตอนนั้นมีตำแหน่ง ออกพระฤทธิคำแหงภักดี ไปทำความตกลงกับฝรั่งเศส ซึ่งทางคณะทูตได้รับอนุญาตให้สวมหมวก ใส่รองเท้า มีเก้าอี้นั่งรอ ส่วนขุนนางอื่นๆ ในราชสำนักอยุธยานั้น ทุกคนล้วนแต่หมอบกราบ ไม่เว้นกระทั่งฟอลคอน
เมื่อได้มีการเข้าเฝ้าฯ แล้ว คณะทูตฝรั่งเศสกลับพบว่า สมเด็จพระนารายณ์ประทับบนสีหบัญชรที่สูงมาก ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน และฟอลคอนก็เอาพานยาว 3 ฟุตมาให้อัศวินแห่งโชมองต์วางพระราชสาสน์ อัศวินแห่งโชมองต์จึงนำพระราชสาสน์ใส่พาน แล้วจึงจับคอพาน ไม่ยอมจับที่ปลายไม้เพื่อยื่นขึ้นไป เพื่อประสงค์ให้สมเด็จพระนารายณ์ น้อมตัวจากสีหบัญชรลงมารับพระราชสาสน์ แม้ฟอลคอนจะบอกว่าให้คณะทูตชูพานขึ้นไป แต่คณะทูตก็ไม่สนใจ
ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระนารายณ์ จึงต้องก้มตัวออกมารับพระราชสาสน์ และส่งเสียงกำสรวล แล้วจึงเอาพระราชสาสน์นั้นไว้เหนือเกล้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ และคณะทูตที่มาในครั้งนี้ ยังมีความต้องการที่จะเจรจาการค้า และพยายามให้สมเด็จพระนารายณ์ เปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ